คณะกรรมการบริษัทเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมความสำเร็จในภาพรวมของบริษัทในฐานะที่เป็นองค์กรหนึ่งที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย บริษัทจึงได้ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีผ่านการดำเนินงานของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน โดยกำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์”) ระเบียบปฏิบัติของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ตลอดจนให้มีความสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการสำหรับบริษัทจดทะเบียนตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 (“CG Code”) เพื่อให้บริษัทมีการเติบโตตามวิสัยทัศน์และพันธกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คณะกรรมการบริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการ (“Corporate Governance Policy”) เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนขององค์กร และมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ รวมถึง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีการทบทวนนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทดังกล่าว ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบันตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการของตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งได้เปิดเผยนโยบายการกำกับดูแลกิจการดังกล่าวบนเว็บไซต์ ของบริษัทด้วยประสงค์ที่จะสื่อสารเจตนารมณ์การดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ของบริษัทไปยังสาธารณะ
การสื่อสารและการปฏิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการ
คณะกรรมการบริษัทได้มีการสื่อสารและเผยแพร่นโยบายการกำกับดูแลกิจการไปยังกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.ckpower.co.th เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและยึดถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องอันจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วนต่อไป
ทั้งนี้ นโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทครอบคลุมเรื่องที่สำคัญตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 5 หมวด ได้แก่ สิทธิของผู้ถือหุ้น การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสและความรับผิดชอบของคณะกรรมการ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญและความเท่าเทียมกันในสิทธิพื้นฐานต่างๆ ของผู้ถือหุ้นทุกราย ทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อยและนักลงทุนสถาบันโดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นทุกรายมีสิทธิในการที่จะได้รับส่วนแบ่งกำไรของกิจการ สิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสารของกิจการอย่างเพียงพอ สิทธิในการเข้าร่วมประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแต่งตั้งถอดถอนกรรมการ แต่งตั้งผู้สอบบัญชี และมีสิทธิร่วมตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบต่อบริษัท เช่น การจัดสรร เงินปันผล การกำหนดหรือการแก้ไขข้อบังคับและหนังสือบริคณห์สนธิ การลดทุนหรือเพิ่มทุน เป็นต้น
นอกเหนือจากสิทธิพื้นฐานต่างๆ ข้างต้นแล้ว บริษัทยังได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่เป็นการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในประเด็นหลัก ดังนี้
บริษัทมีนโยบายในการปฏิบัติและคุ้มครองสิทธิผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ทั้งผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทยหรือผู้ถือหุ้นต่างชาติ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือผู้ถือหุ้นรายย่อย ผ่านการดำเนินการในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งภายในองค์กร ซึ่งได้แก่ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย และภายนอกองค์กร ได้แก่ ผู้ถือหุ้น คู่ค้า เจ้าหนี้สถาบันการเงินผู้ให้กู้ ชุมชนใกล้เคียงโครงการไฟฟ้า และสังคมส่วนรวม โดยถือปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งสามารถติดต่อสอบถามหรือแจ้งร้องเรียนต่อกรรมการ หรือเลขานุการบริษัทโดยตรงผ่านทางอีเมล์ของทั้งสองช่องทางที่บริษัทเปิดเผยไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทและแบบแสดงรายการข้อมูลโดยบริษัทมีการดูแลสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย ดังนี้
ผู้ถือหุ้น
บริษัทตระหนักถึงบทบาทในการเป็นองค์กรภาคธุรกิจที่มีหน้าที่ในการสร้างผลกำไรในระยะยาวด้วยผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นควบคู่ไปกับหน้าที่ในฐานะหน่วยหนึ่งของสังคมที่จะต้องดำเนินธุรกิจด้วยสำนึกรับผิดชอบเพื่อเป็นองค์กรที่มีการเติบโตที่ยั่งยืน บริษัทจึงกำหนดโครงสร้างการบริหารจัดการที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและเชื่อถือได้ต่อผู้ถือหุ้นเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องประกอบการตัดสินใจลงทุนในบริษัท ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมและสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทผ่านช่องทางต่างๆ ได้ตลอดเวลา
พนักงาน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของพนักงานทุกคนในบริษัท ซึ่งเป็นกลจักรสำคัญหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถพัฒนาและดำเนินธุรกิจให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต บริษัทจึงมุ่งเน้นในการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ความสามารถ และทักษะด้านต่างๆ ของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลด้านชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน ณ สถานที่ปฏิบัติงานทั้งในสำนักงานใหญ่และบริเวณโครงการไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เจ้าหนี้/สถาบันการเงินผู้ให้กู้
บริษัทให้ความสำคัญต่อความน่าเชื่อถือด้านการเงินและปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญากู้เงิน อย่างเคร่งครัด โดยควบคุมดูแลการบริหารจัดการด้านการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยให้มีความชัดเจนและเป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้แจ้งไว้ต่อเจ้าหนี้/สถาบันการเงินผู้ให้กู้ ตลอดจนมีการเปิดเผยรายงานการดำเนินการทางการเงินในรูปแบบต่างๆ อย่างโปร่งใสตามรอบระยะเวลาและการร้องขอจากเจ้าหนี้/สถาบันการเงินผู้ให้กู้ โดยที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อยชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลาและไม่มีการชำระหนี้ล่าช้าหรือผิดนัดชำระหนี้ ตลอดจนไม่เคยมีการเจรจาขอผ่อนผันการชำระหนี้แต่อย่างใดซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินผู้ให้กู้ที่ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ของบริษัทถึงเสถียรภาพด้านการเงินของบริษัทบริษัทย่อยและบริษัทในเครือ
คู่แข่งทางการค้า
บริษัทปฏิบัติตามกรอบกติกาการแข่งขันที่เสมอภาคและโปร่งใส โดยดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องตามกฎหมายและภายใต้หลักจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ รวมถึงรักษาบรรทัดฐานของข้อพึงปฏิบัติในการแข่งขันและหลีกเลี่ยงวิธีการไม่สุจริตใดๆ เพื่อทำลายคู่แข่งขันทางการค้า
คู่ค้า
เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังน้ำ พลังแสงอาทิตย์และระบบโคเจนเนอเรชั่น ดังนั้น ลูกค้าโดยตรงของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่บริษัทเข้าถือหุ้น คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐผู้รับซื้อไฟฟ้าและผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้นภาคประชาชนจึงเป็นลูกค้าโดยอ้อมของบริษัท บริษัทจึงเล็งเห็นถึงประโยชน์สูงสุดที่เกิดจากประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าที่มั่นคงและมีเสถียรภาพนอกจากจะส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าแล้วยังส่งผลต่อเนื่องไปยังการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนที่มีการดำเนินงานอันมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงมอบนโยบายและดำเนินการตรวจสอบ รวมถึงติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทที่เข้าลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อควบคุมให้มีผลการดำเนินงานที่ดี สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับกฟผ.ได้เต็มประสิทธิภาพ สม่ำเสมอ และเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า รวมทั้งประเมินความพึงพอใจของผู้รับซื้อไฟฟ้า โดยได้รับผลการประเมินในระดับที่ดีเยี่ยมต่อเนื่อง โดย ณ ปัจจุบันโครงการไฟฟ้าที่บริษัทเข้าลงทุนผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO ทุกโครงการแล้วอีกทั้งตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายปรับสมดุลด้านพลังงานของภาครัฐที่จะลดใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงความมั่นคงด้านพลังงานของชุมชน สังคม และประเทศ ให้มีความยั่งยืนสืบต่อไป โดยรายละเอียดการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าปรากฏรายละเอียดอยู่ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม-การประกอบกิจการด้วยความเป็นธรรม
ชุมชนและสังคม
บริษัทสำนึกในบุญคุณของประเทศและตระหนักถึงบทบาทในฐานะเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรภาคธุรกิจไทยและเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมที่มีหน้าที่ต้องดำเนินธุรกิจด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาองค์กรยั่งยืนควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ บริษัทจึงกำหนดนโยบายการดำเนินโครงการไฟฟ้าที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านพลังงานให้กับประเทศและมุ่งเน้นโครงการไฟฟ้าที่มีรูปแบบโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มที่เพื่อประสิทธิภาพในการจ่ายไฟฟ้าให้กับประเทศด้วยมุ่งหวังเป็นกลจักรหนึ่งที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าร่วมกับทุกภาคส่วนต่อไป
นอกจากการคำนึงถึงประโยชน์ที่สังคมได้รับผ่านการดำเนินธุรกิจของบริษัทแล้ว บริษัทยังคำนึงถึงการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมของชุมชนบริเวณใกล้เคียงโครงการไฟฟ้าต่างๆ ที่บริษัทเข้าลงทุนและในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้เกิดการพัฒนาของชุมชนและปลูกฝังสำนึกการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและจิตสาธารณะ
ทั้งนี้รายละเอียดกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคมรายละเอียดอยู่ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม-กิจกรรมเพื่อสังคมที่บริษัทได้ร่วมสนับสนุน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน จึงได้จัดให้มีช่องทางการแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน (“whistleblower”) ถึงการไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณ การกระทำผิดกฎหมาย พฤติกรรมที่อาจส่อถึงการทุจริต หรือประพฤติมิชอบของบุคลากรของบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงความบกพร่องของระบบควบคุมภายในทั้งจากพนักงานและมีผู้ส่วนได้เสียอื่น รวมทั้งมีกลไกในการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส โดยการกำหนดแนวทางการแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียน ดังนี้
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดมาตรการคุ้มครอง นโยบายเก็บข้อมูลข้อร้องเรียนเป็นความลับและการจำกัดกลุ่มผู้รับทราบข้อมูลและเปิดเผยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ผู้ร้องเรียน ซึ่งบุคคลผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนสามารถเลือกเปิดเผยตัวหรือไม่ประสงค์ออกนามและเมื่อเห็นเป็นการสมควรบริษัทอาจกำหนดมาตรการคุ้มครองพิเศษหากเกิดกรณีที่มีแนวโน้มและสามารถคาดหมายได้ว่าอาจเกิดความเดือดร้อนหรือไม่ปลอดภัยและผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียนจะได้รับการบรรเทาความเสียหายหรือค่าชดเชยที่เหมาะสมและเป็นธรรมจากบริษัท หรือบุคคลผู้ก่อความเสียหายภายใต้กลไกการบริหารงานและหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย
บริษัทได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตรูปแบบต่างๆ ใน CG Policy และอยู่ในระหว่างกำหนดแนวทางการกำหนดมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพิ่มเติม
ทั้งนี้ นโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น รายละเอียดอยู่ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม-การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยทุกคนจะได้รับการปฏิบัติจากบริษัทและบริษัทย่อยโดยคำนึงสิทธิตามหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิพลเมืองโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงบริษัทและบริษัทย่อยได้กำหนดแนวทางในการจัดจ้างแรงงานทั้งพนักงานประจำและลูกจ้างให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการว่าจ้างแรงงาน และหลักเกณฑ์ตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานที่ทำงานมีความปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่เหมาะสม และในขณะเดียวกันกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานจะต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยเคารพสิทธิมนุษยชน รวมถึงเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้อื่นด้วยเช่นกัน บริษัทและบริษัทย่อยได้เปิดช่องทางการสื่อสาร เสนอแนะและร้องทุกข์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงาน เพื่อให้เกิดบุคลากรของบริษัทและบริษัทย่อยเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมในการบริหารงาน ซึ่งจะส่งผลต่อความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรให้กับพนักงานทุกคนของบริษัทและบริษัทย่อย และก่อให้เกิดการตระหนักถึงพันธะหน้าที่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์กร ตลอดจนสร้างความเข้าใจและสัมพันธ์อันดีในการทำงานร่วมกัน โดยในขณะเดียวกันบริษัทได้เปิดช่องทางการสื่อสารเพื่อแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนระหว่างบริษัทกับบุคคลภายนอก เพื่อรับทราบปัญหา ผลกระทบ หรือข้อควรปรับปรุงที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทหรือบริษัทย่อย ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการและกำกับดูแลให้กับบริษัทและบริษัทย่อย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อยไม่เคยได้รับรายงานหรือปรากฏข้อพิพาทด้านแรงงานหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด
บริษัทกำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่สะท้อนถึงการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด รวมทั้งกำหนดใน Operation Manual เพื่อประสิทธิภาพในการสื่อสารและการยึดถือปฏิบัติของพนักงาน กล่าวคือ กำหนดห้ามมิให้บุคลากรของบริษัทนำผลงานหรือข้อมูลอันมีลิขสิทธิ์มาใช้ประโยชน์ หรือกระทำการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์อย่างเด็ดขาดโดยกำหนดให้โปรแกรมที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทเพื่อปฏิบัติงานต้องเป็นโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์โดยถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
ด้วยพันธกิจที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี มั่นคง พร้อมให้ความสำคัญในอันที่จะสร้างประโยชน์และลดผลกระทบจากโครงการต่างๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นอกจากการเลือกลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว บริษัทยังตระหนักถึงความสำคัญการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินธุรกิจทุกขั้นตอน พร้อมมอบนโยบายเพื่อปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย ตลอดจนควบคุมให้โครงการไฟฟ้าของบริษัททั้งที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและอยู่ในระหว่างการก่อสร้างให้ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมถึงหลักเกณฑ์ของมาตรฐาน ISO อย่างเคร่งครัด พร้อมฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เพื่อให้เกิดความสมดุลและการเติบโตของชุมชนควบคู่ไปกับการคงอยู่ของสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันโครงการไฟฟ้าของบริษัทกว่าร้อยละ 90 เป็นโครงการไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้แก่ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำและโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ทั้งนี้บริษัทยังมุ่งที่จะพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากร รายละเอียดอยู่ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม-การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
บริษัทให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส และทันเวลา ทั้งรายงานข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลที่ต้องเปิดเผยตามรอบระยะเวลาและข้อมูลทั่วไป ตลอดจนข้อมูลที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท เพื่อให้ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนบุคคลทั่วไปได้รับทราบข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน โดยมีรายละเอียดการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส ดังนี้
1. โครงสร้างคณะกรรมการ
1.1 คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในระดับตำแหน่งผู้บริหารจากองค์กรต่างๆ จากหลากหลายวิชาชีพ ได้แก่ ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านบริหาร ด้านบัญชี ด้านวิศวกรรม และด้านกฎหมายซึ่งมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในการที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนที่มีการดำเนินงานอันมีประสิทธิภาพและมีคณะที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัทผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ได้แก่ บัญชี การเงิน บริหาร และวิศวกรรม เพื่อให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านเทคนิคและการบริหารงานให้กับบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงสามารถนำประสบการณ์ ความรู้ และความสามารถมาพัฒนาและกำหนดนโยบายทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น โดยคณะกรรมการบริษัทจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย กลยุทธ์ และภาพรวมขององค์กร ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแล ตรวจสอบ ติดตามผลการปฏิบัติงานของฝ่ายจัดการและประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทของบริษัทและบริษัทย่อยจะมีการประชุมเพื่อทบทวนผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามเป้าหมายและอยู่ในงบประมาณที่กำหนดหรือไม่อย่างไร ตลอดจนแผนการดำเนินงานในอนาคตเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างต่อเนื่องทุกปี
คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญในการประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนวิสัยทัศน์ ภารกิจ หรือกลยุทธ์ของบริษัทร่วมกันอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเพื่อพิจารณาและการทบทวนกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานประจำปีและเมื่อมีการพิจารณาอนุมัติดำเนินการธุรกรรมที่มีความสำคัญ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจต่อไป
1.2 โครงสร้างคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วย กรรมการทั้งสิ้น 12 คน แบ่งเป็นกรรมการที่เป็นผู้บริหารจำนวน 5 คนและกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารจำนวน 7 คน โดยมีสัดส่วนกรรมการอิสระ 4 คน (รวมประธานกรรมการบริษัท) คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งคณะ ซึ่งโครงสร้างกรรมการดังกล่าวจะทำให้เกิดการถ่วงดุลในการออกเสียง เพื่อพิจารณาในเรื่องต่างๆ นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย จำนวน 4 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
1.3 กรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับเลือกตั้งกลับเข้าดำรงตำแหน่งได้อีก โดยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีทุกครั้งกำหนดให้กรรมการออกจากตำแหน่งในสัดส่วน 1 ใน 3
1.4 ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการไม่เป็นบุคคลเดียวกัน เพื่อเป็นการแบ่งแยกหน้าที่ในการกำหนดนโยบายกำกับดูแลและการบริหารงานประจำ โดยคณะกรรมการได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของประธานกรรมการอย่างชัดเจน ประธานกรรมการเป็นกรรมการอิสระตามความหมายของตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับฝ่ายบริหาร
2. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท
2.1 คณะกรรมการจัดให้มีนโยบายการกำกับดูแลกิจการและกำหนดให้มีการทบทวนความเหมาะสมของนโยบายดังกล่าวอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้งผ่านการประชุมคณะกรรมการบริษัท อีกทั้งส่งเสริมการสื่อสารให้บุคลากรทุกคนในองค์กรได้เข้าใจถึงนโยบายการกำกับดูแลกิจการเพื่อการปฏิบัติอย่างถูกต้องครบถ้วน
2.2 บริษัทกำหนดให้กรรมการบริษัทปฏิบัติตามข้อพึงปฏิบัติที่ดีสำหรับกรรมการบริษัทจดทะเบียน (“Code of Best Practice”) ตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ โดยคณะกรรมการบริษัทต้องเข้าใจและทราบถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของตนและต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัท ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ
2.3 คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้กำหนดนโยบาย เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ แผนธุรกิจ ตลอดจนงบประมาณของบริษัทและกำกับดูแลให้ฝ่ายจัดการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย แผนงานและงบประมาณที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นโดยรวม
2.4 คณะกรรมการจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย ทั้งแบบรายบุคคลและแบบรายคณะซึ่งมีเนื้อหาของแบบประเมินตามตัวอย่างแบบประเมินตนเองของคณะกรรมการที่ออกโดยตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นแนวทางให้กับบริษัทจดทะเบียนนำไปใช้เป็นแบบประเมินตนเองของกรรมการของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ซึ่งมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์
2.5 เพื่อเป็นการควบคุมดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่บริษัทเข้าลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเสมือนเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท คณะกรรมการจึงได้กำหนดนโยบายการควบคุมและกลไกการกำกับดูแลกิจการที่บริษัทเข้าไปลงทุน (“Control Policy”) เพื่อใช้เป็นกลไกในการควบคุมดูแลบริษัทย่อยและบริษัทร่วมต่างๆ เหล่านั้น ด้วยประสงค์ให้บริษัทย่อยและบริษัทร่วมดังกล่าวมีการบริหารจัดการและระบบควบคุมภายในที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์อย่างถูกต้องครบถ้วนเช่นเดียวกันกับบริษัทในรายการที่สำคัญ
2.6 บริษัทกำหนดเป็นข้อบังคับให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุก 3 เดือน อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง และขอความร่วมมือให้กรรมการทุกคนเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันโดยเฉพาะประธานกรรมการและประธานกรรมการชุดย่อย ซึ่งที่ผ่านมามีกรรมการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการทั้งคณะเฉลี่ยรวมกันไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ของการประชุมตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีและในครั้งที่มีการพิจารณาวาระที่สำคัญกรรมการทุกคนจะเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง เพื่อร่วมพิจารณาวาระที่สำคัญดังกล่าวร่วมกัน
2.7 บริษัทให้ความสำคัญในข้อมูลที่คณะกรรมการจะใช้ประกอบการพิจารณาเป็นอย่างมาก จึงได้กำหนดในนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทเกี่ยวกับระยะเวลาการจัดส่งเอกสารการประชุมให้กรรมการต้องไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนวันประชุม เว้นแต่เป็นกรณีเร่งด่วน อย่างไรก็ตามจะต้องจัดส่งเอกสารให้กรรมการล่วงหน้าก่อนวันประชุม เพื่อให้กรรมการได้มีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอ
นอกจากหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าวแล้ว บริษัทยังกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติงานเพื่อส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี ได้แก่
(1) นโยบายป้องกันเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์
บริษัทให้ความสำคัญต่อการพิจารณารายการต่างๆ อย่างโปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเป็นสำคัญ จึงมีนโยบายในการป้องกันรายการที่อาจเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือรายการระหว่างกัน ดังนี้
(2) ข้อกำหนดเกี่ยวกับจริยธรรมและจรรยาบรรณ
เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทมีข้อพึงปฏิบัติที่ดีงามและประพฤติตนอยู่ในแนวทางที่เหมาะสมต่อการประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ ตลอดจนมีคุณธรรม มีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม อีกทั้ง เป็นการส่งเสริมระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตและความโปร่งใสเป็นสำคัญ จึงกำหนดให้มีจริยธรรมและจรรยาบรรณทางธุรกิจขึ้นไว้เป็นมาตรฐานเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยได้กำหนดข้อพึงปฏิบัติด้านต่างๆ ได้แก่
(3) ระบบการควบคุมภายใน
บริษัทให้ความสำคัญต่อระบบการควบคุมภายในสำหรับทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ จึงได้มีการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ อำนาจดำเนินการอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรและมีสำนักตรวจสอบภายเพื่อทำหน้าที่สอบทานให้มีการปฏิบัติตามระบบควบคุมภายใน รวมทั้งมีการควบคุมดูแลการใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีการแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบในการอนุมัติการบันทึกรายการบัญชีและข้อมูลสารสนเทศและการจัดเก็บดูแลทรัพย์สินออกจากกัน เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบระหว่างกันอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการควบคุมภายในเกี่ยวกับระบบการเงิน โดยบริษัทได้จัดให้มีระบบรายงานทางการเงินเสนอผู้บริหารสายงานที่รับผิดชอบ นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยยังวางแผนในการใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีรายเดียวกันเพื่อความสะดวกในการควบคุมและจัดการด้านบัญชีและการเงินและมีการกำหนดให้มีการหมุนเวียนผู้สอบบัญชีทุก 5 ปีในทุกบริษัทด้วย
บริษัทมีการกำหนดเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนและสามารถวัดผลการดำเนินงานได้ โดยฝ่ายจัดการจะมีการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานจริงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยจะมีการประเมินปัจจัยความเสี่ยงทั้งที่มาจากภายนอกและภายในที่พบในการดำเนินงาน วิเคราะห์ถึงปัจจัยที่เป็นสาเหตุและมีการกำหนดมาตรการในการติดตามเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุของปัจจัยความเสี่ยง รวมทั้งมาตรการในการลดความเสี่ยง รวมถึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเสี่ยงนั้นๆ อย่างต่อเนื่องและรายงานผลต่อคณะกรรมการบริษัท
(4) การบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและบริหารความเสี่ยงเพื่อทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติการบริหารความเสี่ยงของบริษัทและรับทราบการบริหารความเสี่ยงของบริษัทย่อย ตลอดจนติดตามและรับทราบแผนการจัดการความเสี่ยงของบริษัทและบริษัทย่อย โดยมีหน้าที่รายงานปัญหาอุปสรรคด้านความเสี่ยงที่สำคัญและความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นรายไตรมาส
(5) ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร
บริษัทมีการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร ทั้งนี้รายละเอียดค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารอยู่ในหัวข้อค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร - ค่าตอบแทนกรรมการบริษัทและค่าตอบแทนผู้บริหารของบริษัท
(6) การพัฒนากรรมการและผู้บริหาร
คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการกำกับดูแลกิจการของบริษัท โดยรายละเอียดการฝึกอบรมอยู่ในหัวข้อนโยบายการพัฒนาบุคลากร - การพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน
(7) รายงานของคณะกรรมการ
คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบต่องบการเงินของบริษัท โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบทำหน้าที่สอบทานรายงานทางการเงิน และดูแลให้มีการจัดทำรายงานทางการเงินอย่างมีคุณภาพและถูกต้องตามมาตรฐานทางบัญชีที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป มีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญของบริษัทอย่างโปร่งใสและเพียงพอ โดยฝ่ายบริหาร และ/หรือ ผู้สอบบัญชีประชุมร่วมกัน และนำเสนอรายงานทางการเงินต่อคณะกรรมการบริษัททุกไตรมาส โดยคณะกรรมการบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบต่องบการเงินของบริษัท รวมทั้งสารสนเทศทางการเงิน (รายงานความรับผิดชอบของคณะกรรมการต่อรายงานทางการเงิน) ที่ปรากฏในรายงานประจำปี งบการเงินดังกล่าวจัดทำขึ้นตามมาตรฐานการบัญชีรับรองทั่วไปและตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีของบริษัท การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสนเทศที่สำคัญ ทั้งข้อมูลทางการเงินและไม่ใช่การเงิน และดำเนินการบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนและสม่ำเสมอ